การปรับแก้ข้อบังคับมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนครว่าด้วย เครื่องแบบ เครื่องหมาย และเครื่องแต่งกายนักศึกษา พ.ศ. 2553 ให้สอดคล้องกับสิทธิตามรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 และพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่าง เพศ พ.ศ. 2558 ; กรณีศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร

The amendment of the Sakon Nakhon Rajabhat University regulations on student's uniforms, badges, and costumes, 2010 to follow with constitutional rights and Gender equality Act B.E. 2558; Case Study Sakon Nakhon Rajabhat University

บทคัดย่อ

บทความวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาทัศนะแนวคิดการแต่งกายตามเพศสภาพของนักศึกษามหาวิทยาลัย ราชภัฏสกลนคร 2) ศึกษาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงระเบียบของมหาวิทยาลัยอื่น 3) ศึกษารูปแบบระเบียบกฎเกณฑ์ การแต่งกายตามเพศสภาพที่เหมาะสมสําหรับมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนครโดยใช้วิธีวิทยาการวิจัยเชิงปริมาณและ เชิงคุณภาพ ประกอบด้วยแบบสอบถามกับนักศึกษา 400 ชุด การสุ่มจากทฤษฎีทาโร ยามาเน่ค่าความคลาดเคลื่อนที 5% การวิจัยเอกสาร การสัมภาษณ์เชิงลึกและสนทนากลุ่มกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแต่งกายตามเพศสภาพ ได้แก่ นักศึกษา อาจารย์ เจ้าหน้าที่ และผู้ปกครอง ข้อค้นพบของการวิจัย คือ 1) ทัศนคติของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนครส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการมี ระเบียบให้แต่กายตามเพศสภาพได้ รวมถึงผู้บริหารระดับมหาวิทยาลัย ระดับคณะ และนิติกรเห็นด้วยเช่นกัน 2) ข้อบังคับ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนครว่าด้วย เครื่องแบบ เครื่องหมายและเครื่องแต่งกายนักศึกษา พ.ศ. 2553 กําหนดเพียง เพศกําเนิดขายกับหญิงซึ่งขัดต่อสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานและเลือกปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 และพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 ทั้งนี้มีมหาวิทยาลัยอื่นประกาศให้แนวทาง ปฏิบัติกับการแต่งกายตามเพศสภาพ ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยพะเยา และมหาวิทยาลัยสงขลา นครินทร์ 3) มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนครประกาศเรื่องการแต่งกายให้เกิดความชัดเจนให้กับเพศสภาพโดยกําหนดให้มี การแจ้งและพิจารณาโดยคณะกรรมการสําหรับนักศึกษาและบัณฑิตที่ต้องการแต่งกายตามเพศสภาพ ข้อเสนอแนะของการวิจัยให้มหาวิทยาลัยประกาศแนวทางปฏิบัติสําหรับการแต่งกายตามเพศสภาพของ นักศึกษาและบัณฑิต โดยนําร่างประกาศที่ได้จากงานวิจัยนี้เข้าสู่การพิจารณาของสภามหาวิทยาลัย และศึกษาผลกระ ทบของประกาศดังกล่าวในการวิจัยครั้งถัดไป